เปิดประวัติ “ครัวซองต์” ตำนานความอบอวลข้ามกาลเวลากว่า 100 ปี!
หากกล่าวถึงเบเกอรีในปัจจุบันที่กินเมื่อไหร่ก็ไม่มีเบื่อ แถมยังเป็นที่นิยมข้ามกาลเวลา กินได้ทุกเพศทุกวัย เข้าออกคาเฟ่หรือร้านกาแฟไหน ๆ ก็ต่างพบเจอในตู้ขนมอย่างเนืองแน่น แน่นอนค่ะหลายคนคงนึกถึง “ครัวซองต์” (Croissant) ขนมปังรูปพระจันทร์เสี้ยว ที่กินคู่กับกาแฟยามเช้าก็เหมาะ หรือจะนำไปทำเป็นเมนู Brunch หรือประกอบเมนูอาหารฟิวชันก็ชวนน่ารับประทาน วันนี้ท็อปส์พิกส์จะพามาเปิดประวัติและทำความรู้จักกับขนมชิ้นนี้กันมากยิ่งขึ้น รับรองค่ะว่าอ่านจบเป็นต้องอยากเดินไปซื้อชิมสักชิ้น!
When mentioning the name of a popular pastry which has been renowned from then until now, the one that people at all ages and gender like the most, and the one that is available in bakery display cases in almost every café or coffeeshop, what pops into your mind should be “Croissant”, a crescent shaped pastry that perfectly goes with a cup of morning coffee or used to make croissant brunch as well as a savory fusion recipes. This article, we’re going to take a journey through the history of croissant. We’re quite confident that after you finish reading, you’ll absolutely crave for a piece of croissant!
แม้ว่า “ครัวซองต์” (Croissant) จะเป็นภาษาฝรั่งเศสแต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าแท้จริงแล้ว ต้นกำเนิดมาจากประเทศออสเตรีย ในช่วงปี คศ.1683 ซึ่งแต่เดิมชื่อขนม “คิปเฟิล” (Kipferl) ซึ่งเกิดจากการเฉลิมฉลองการชนะศึกสงครามของกรุงเวียนนา และทำขนมปังเลียนแบบธงชาติเติร์ก โดยมีลักษณะเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ไม่มีไส้ ไม่มีส่วนผสมของถั่วอีกทั้งยังเนื้อสัมผัสเรียบเนียน ไม่กรอบและฟู ดังเช่นครัวซองต์ที่เราต่างคุ้นตาในปัจจุบัน
Though “Croissant” is a French word, only few people know that this pastry was first introduced in Austria around 1683 as Austrian “Kipferl” at that time to celebrate Australian victory over Ottoman Empire. The shape of kipferl was resemble to the emblem on Turkish flag. The texture of original Austrian kipferl was smooth and it was made without the addition of nuts or other filling. The texture is not fluffy or crunchy like croissant nowadays.
ต่อมาในช่วงปี คศ.1770 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เบเกอรีครัวซองต์ โด่งดังและเป็นที่นิยม อันเนื่องมาจากพระนางมารี อ็องตัวแน็ต เดินทางจากออสเตรียมาอภิเสกสมรสกับกษัตริย์ประเทศฝรั่งเศสคือเจ้าชายหลุยส์ที่ 16 ซึ่งจากการย้ายถิ่นฐานอันยาวนานในครั้งนี้ทำให้พระองค์คิดถึงบ้านเกิดและให้เชฟภายในวังทำขนม “คิปเฟิล” (Kipferl) ขึ้นมา จากนั้นเมื่อข่าวได้แพร่กระจายออกไปในวงกว้างและสาธารณะชนรับทราบ จึงมีการอยากชิมเกิดขึ้นและเป็นนิยมกันอย่างแพร่หลาย และยิ่งทวีคูณความนิยมมากขึ้น
Later on, in 1770, there was a turning point that makes croissant become more popular when Marie Antoinette left Australia for France to get married with Louis 16th, the king of France. Feeling homesick, Marie Antoinette decided to ask the royal baker to replicate “Kipferl”. The news about her favorite treat was widely spreaded, and more people were interested to give the Austrian pastry a try. The croissant became even more famous.
ในราวปี คศ.1839 จากการที่ทหารออสเตรียชื่อนามว่า August Zang ได้เปิดเบเกอรี Boulangerie Viennoise โดยเสิร์ฟขนมสไตล์เวียนนาขึ้นในกรุงปารีส จากกระแสความนิยมข้างต้น เชฟและร้านเบเกอรีต่าง ๆ ล้วนปรับสูตร ดัดแปลง ให้เข้ากับรสชาติและวัฒนธรรมฝรั่งเศสอย่างแพร่หลาย อาทิ การใช้ยีสต์ การทดลองกับเนยชนิดต่าง ๆ จวบจนการคิดค้นวิธีการอบเบเกอรีให้ออกมาในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนิยามของครัวซองต์ที่ดีจะมีลักษณะหลายรูปทรง เนื้อฟูผิวบางกรอบนอก ฉ่ำเนยด้านใน สัมผัสเหนียวนุ่ม อีกทั้งยังมีความหอมอบอวลของเนยเป็นเสน่ห์ในทุกคำที่ลิ้มรส เรียกได้ว่าถือเป็นเบเกอรีที่ครองใจหลาย ๆ คนทั่วโลกนับตั้งแต่ คศ.1915 และถือเป็นตำนานข้ามกาลเวลากว่า 100 ปียาวนานมาถึงปัจจุบัน
In 1839 when an Australian soldier named August Zang opened his bakery shop called Boulangeri Viennoise to sell Vienna-style pastries in Paris. Since it became the new trend, the bakers developed the recipes using new innovations to satisfy the tastebuds of French people such as adding yeast, different types of butter, as well as find new method to bake pastry that features unique taste and texture. A perfect croissant can be in any shape, but it should have crunchy crust and soft, spongy texture inside accompanied with the smell of fresh butter. All of the components make croissant taste pleasant in every bite. It’s not an exaggeration to say that this pastry has won the hearts of pretty much everyone from all around the world since 1915 or since 100 years ago until nowadays.
หลังจากทราบประวัติ “ครัวซองต์” กันไปแล้ว หลายคนคงอยากสัมผัสความหอมกรุ่นละมุนทุกวันไปกับเบเกอรีสุดพรีเมียม เปี่ยมไปด้วยความฉ่ำเนยทุกชิ้น กรอบนอกนุ่มใน บอกเลยว่าไม่ต้องตีตั๋วเครื่องบินไปให้เสียเวลา เพียงแค่มาที่ The Baker Thailand จัดว่าครบจบทุกเรื่องเบเกอรี เสิร์ฟจากเตาอบโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากแหล่งกำเนิดความอร่อยขึ้นชื่ออย่าง เนยสด 100% จากประเทศฝรั่งเศส ชีสจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เฮเซลนัทพราลีนจากประเทศเบลเยียม รู้แบบนี้แล้วบอกเลยเกินจะต้านทานไหว ยั่วยวนหัวใจจนต้องจัด ครัวซองต์สูตรต้นตำรับของ The Baker สักชิ้น!
Now that you’ve learned more about the fascinating history about “croissant”, many of you might wish to try crispy and flaky artisan croissant with delicate buttery layers whenever you take a bite, you don’t have to waste time flying anywhere else. At The Baker Thailand, we offer complete ranges of fresh baked bakery products by Master Bakers who are expertised in selecting the finest ingredients from the best source of production such as 100% French butter, Swiss cheeses, and Belgian hazelnut praline. They’re all perfect combinations that make The Baker French Butter Artisan Croissant so tempting that you can’t help but try one!
Comments