top of page
Branding_100[Jun2023]-03.jpg

เปิดเบื้องหลังความอร่อย กว่าจะมาเป็น ช็อกโกแลต

ในบรรดารสชาติอาหารต่างๆ “รสหวาน” เปรียบได้กับความหอมหวลชุ่มฉ่ำชวนทำให้จิตใจของเราเบิกบานอยู่เสมอ และถ้าหากพูดถึงความหวานที่หลายคนต่างคุ้นเคย แอดมินก็คงอดหยิบยกเรื่องราวของ “ช็อกโกแลต” มานำเสนอเพื่อนๆ ชาวท็อปส์ พิกส์ไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ช็อกโกแลตก็ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกที่ แต่เพื่อนๆ ชาว ท็อปส์ พิกส์รู้หรือไม่คะว่า กว่าจะมาเป็นช็อกโกแลตสุดหอมหวานแบบนี้ มีเรื่องราวสุดทึ่งซ่อนอยู่! มาทำความรู้จักกับช็อกโกแลตให้มากขึ้นไปพร้อมๆ กับแอดมินกันเลยค่ะ ลุยยยย!


Of all the flavors, sweetness is the most fascinating yet pleasing that leads to a cheerful heart. The sweet taste that a lot of people are familiar with certainly comes from chocolate which will be our star today. Did you know that there’s a delicious yet amazing story hidden behind the chocolate making? Join us to explore the chocolate in more details.



จุดกำเนิดความหอมหวานของช็อกโกแลต

The Origin of Chocolate


ก่อนอื่นแอดมินต้องขอบอกว่าแท้จริงแล้ว ช็อกโกแลตไม่ได้มีรสหวานอย่างที่เราเข้าใจกันมาตลอดค่ะ เพราะว่าส่วนผสมหลักของช็อกโกแลตมาจาก “คาเคา” (Cacao) หรือรู้จักอีกชื่อหนึ่งคือ “โกโก้” (Cocoa) ผลไม้ชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในแถบทวีปอเมริกาใต้มายาวนานกว่า 5,000 ปี และเชื่อว่าชนเผ่าพื้นเมืองมายาโบราณ (Maya) รู้จักการนำเมล็ดคาเคามาแปรรูปเป็นของเหลวและยกย่องให้เป็นเครื่องดื่มของเทพเจ้า นอกจากนั้นชนเผ่าแอซเท็ก (Aztec) ยังทำการค้าแลกเปลี่ยนด้วยเมล็ดคาเคาอีกด้วย จนกระทั่งชาวสเปนซึ่งเป็นชนชาวยุโรปผิวขาวกลุ่มแรกได้ออกเดินทางเข้ามาสำรวจดินแดนแห่งนี้ และได้เรียนรู้ความมหัศจรรย์ของเมล็ดคาเคา ต่อมาชาวสเปนก็นำเมล็ดคาเคาไปเผยแพร่ในยุโรปราวคริตศตวรรษที่ 16 ด้วยความหายาก เมล็ดคาเคาจึงเป็นสิ่งล้ำค่าที่สงวนไว้เฉพาะชนชั้นสูงเท่านั้น กว่าช็อกโกแลตจะกลายเป็นของหวานที่ใครๆ ก็ต่างหาทานได้ ต้องรอจนถึงคริสตศตววรษที่ 19 เมื่อมีนวัตรกรรมการผลิตช็อกโกแลตสมัยใหม่เข้ามา ประกอบกับการขยับขยายฐานการปลูกต้นโกโก้และการผลิตช็อกโกแลตในแถบประเทศแอฟริกาตะวันตกค่ะ


Chocolate originally doesn’t offer a sweet taste. Its main ingredient is cacao or cocoa, a type of fruit originated in South America for over 5,000 years. It is believed that the ancient Maya knew how to turn cacao beans into liquid and praise it as the drink of the Gods. After the Spanish, the first group of Caucasians from Europe, explored this part of the world and learned the wonders of cacao beans, they introduced the cacao beans to Europe around the 16th Century. Due to the rareness, the cacao beans are precious and reserved exclusively for the nobles. It’s not until the 19th Century when chocolate became more accessible to everyone because of the new innovation for chocolate production, the expansion of cocoa tree planting, and the growing chocolate production in West Africa.

รสชาติดั้งเดิมของช็อกโกแลตจะเน้นไปทางขมมากกว่าหวาน เพราะเมล็ดคาเคาซึ่งเป็นส่วนผสมของช็อกโกแลตมีสาร “แอลคาลอยด์” (Alkaloid) ซึ่งให้รสชาติขมติดลิ้น ดั่งที่ชาวแอซเท็กสมัยโบราณเรียกเครื่องดื่มทำจากเมล็ดคาเคาว่า “Xocolatl” หรือ “น้ำขม” (Bitter Drink) นั่นเองค่ะ รสชาติช็อกโกแลตหวานหอมที่หลายคนคุ้นเคยในปัจจุบัน มาจากชาวสเปนสมัยก่อนที่มักเติมน้ำตาลอ้อยและอบเชยเพื่อปรับรสขมของช็อกโกแลตให้ดื่มง่ายขึ้น จนต่อมาหลายชนชาติในยุโรป เช่น ชาวอิตาลี ชาวฝรั่งเศส ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ชาวอังกฤษ ก็นำช็อกโกแลตเข้ามาสู่วิถีชีวิตและมีการพัฒนาปรับปรุงรสชาติให้ทานง่ายมากขึ้น เกิดเป็นช็อกโกแลตชนิดผงและชนิดแท่งซึ่งมีรสหอมหวานชื่นใจอย่างในปัจจุบันค่ะ


The original flavor of chocolate is rather bitter than sweet as the cacao beans, the main ingredient, contain alkaloid which offers bitterness. The ancient Aztec called the cacao-based drink “Xocolatl” meaning bitter drink. The pleasantly sweet of chocolate that many people nowadays are familiar with comes from cane sugar and cinnamon that the Spanish add to make the beverage easier to drink. Later on, other Europeans including the Italian, French, Swiss, and British brought chocolate into their way of living and developed the flavor to make it easier to enjoy and hence sweet chocolate powder and bars like today.



ไขที่มากว่าจะมาเป็นช็อกโกแลต จากเมล็ดคาเคาสู่ช็อกโกแลตรสเลิศ

From Cacao to Excellent Quality Chocolate

ปลูกและเก็บเกี่ยวเมล็ดโกโก้

Planting and Harvesting


จุดเริ่มต้นของช็อกโกแลตล้วนไม่ต่างจากอาหารชนิดอื่นๆ นั่นก็คือวัตถุดิบค่ะ ช็อกโกแลตมีส่วนประกอบหลักคือ “โกโก้” หรือ “คาเคา” พืชเขตร้อนมีถิ่นกำเนิดที่แถบลุ่มน้ำแอมะซอน ผลมีรูปร่างกลมยาวรี เปลือกแข็ง

ขรุขระ ด้านในมีเมล็ดและเยื่อหุ้มสีขาว เกษตรกรจะเก็บเกี่ยวผลโกโก้เมื่อมีความสุกพอดีเท่านั้น หากเก็บเกี่ยวเร็วเกิน อาจทำให้ปริมาณน้ำตาลในเมล็ดโกโก้ไม่เพียงพอต่อการหมักบ่ม หรือหากเก็บเกี่ยวช้าไป ก็อาจทำให้เมล็ดโกโก้แปรรูปไม่ได้เพราะมีรากงอกค่ะ ดังนั้นขั้นตอนการปลูกและเก็บเกี่ยวจึงมีบทบาทต่อคุณภาพของช็อกโกแลตค่ะ


With no difference to other foods, chocolate also starts with the ingredient. The main ingredient is cocoa or cacao, a tropical plant native to the Amazon River. Cacao are long, oval shaped with a hard, rough shell and beans wrapped in a white mucilage-like coating. The farmer will harvest only perfectly ripe cocoas. Doing it too soon may lead to the insufficient sugar content in the cocoa beans for fermentation or doing it too late may cause the roots to sprout and the beans can’t be used for conching as a result. Therefore, both planting and harvesting play crucial parts in achieving quality chocolate.


หมักบ่มเมล็ดโกโก้

Fermentation


ภายหลังเก็บเกี่ยวเมล็ดโกโก้ เกษตรกรจะนำเมล็ดที่มีเยื่อหุ้มสีขาวซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำตาลมาหมักในภาชนะหรือในลังรวมกันประมาณ 2-10 วัน ปฏิกิริยาเคมีธรรมชาติจากยีสต์และแบคทีเรียจะทำให้เมล็ดโกโก้ค่อยๆ เกิดรูพรุนและมีสีน้ำตาล ขั้นตอนหมักบ่มถือว่ามีความสำคัญมากและเป็นปัจจัยกำหนดรสชาติของช็อกโกแลตในขั้นตอนสุดท้าย เพราะฉะนั้นกระบวนการนี้จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความใส่ใจอย่างมากค่ะ


After harvesting, the farmer will ferment the beans with the white mucilage and sugar content in a container or a crate for 2-10 days. The chemical reaction from yeast and bacteria will slowly make the cocoa beans porous and turn brown in color. The stage of fermentation is considered an important factor which determines the flavor of chocolate in the final process, thus requiring expertise and considerable attention.


นำเมล็ดโกโก้มาตากแห้ง

Drying


เมื่อเมล็ดโกโก้ผ่านการหมักบ่มจนได้ที่แล้ว ก็จะถึงขั้นตอนตากแดดเพื่อลดความชื้นและชะลอการหมักบ่มเป็นระยะเวลาราว 5-7 วัน อย่างไรก็ตามสีน้ำตาลของเมล็ดโกโก้จะยังคงพัฒนาต่อไปในระหว่างขั้นตอนนี้ นอกจากนั้นแสงอาทิตย์ยังช่วยลดกรดในเมล็ดโกโก้ซึ่งส่งผลต่อความลุ่มลึกในรสชาติและสีสันของช็อกโกแลต สำหรับค่าความชื้นที่เหมาะสมของเมล็ดโกโก้ควรอยู่ที่ 6-8% หากมากกว่านั้นอาจก่อให้เกิดเชื้อราได้ค่ะ


Once undergone the fermentation, it’s time to sun dry to reduce the humidity and slow down the fermentation for about 5-7 days while the brown color of the cocoa beans continues during this process. Aside from this, the sunlight helps lower the acid in the cocoa beans which affects the richness and color of chocolate. The suitable humidity level for the beans should be around 6-8%. Higher than that may lead to a fungal growth.


คัดสรรเมล็ดโกโก้

Selecting and Sorting


ไม่ใช่โกโก้ทุกเมล็ดที่จะดีเสมอไป ดังนั้นการคัดสรรเมล็ดโกโก้ตากแห้งด้วยมือจึงจะทำให้เห็นถึงข้อบกพร่องและยังกรองเศษดิน เศษหินดินทรายได้อีกด้วยค่ะ ที่สำคัญการคัดสรรจะต้องเลือกเฉพาะเมล็ดโกโกที่มีขนาดสมบูรณ์ไม่ลีบ ไม่แบนจนเกินไปและไม่มีรา แม้จะอาศัยเวลาและความมุ่งมานะ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอนค่ะ


Not every single cocoa bean is perfect. Hand selecting and sorting sun-dried cocoa beans allows you to notice the defect and remove detritus. More importantly, only perfectly whole beans without the mold are selected. Though this processing technique requires time and effort, the result is certainly worthwhile.


คั่วเมล็ดโกโก้ให้หอมกรุ่น

Roasting


มาถึงขั้นตอนไฮไลต์ของการทำช็อกโกแลตกับขั้นตอนการคั่วเมล็ดโกโก้ตากแห้งที่อุณหภูมิราว 120-150 องศาเซลเซียส ความร้อนจะช่วยทำให้เมล็ดโกโก้เกิดปฏิกริยาทางเคมีและปล่อยกลิ่น รส ที่แท้จริงออกมา ซึ่งบ่อยครั้งเมล็ดโกโกคั่วจะมีรสขมจัดและมีกลิ่นหอมอย่างมาก นอกจากนั้นการคั่วยังช่วยทำให้แยกเปลือกออกจากตัวเมล็ดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย


The highlight process of chocolate making is roasting the dried cocoa beans at the temperature of 120-150 degrees Celsius. The heat will cause the chemical reaction making the cocoa beans release the true fragrance and flavor. The roasted cocoa beans usually offer the bitterness and pleasant fragrance. Apart from that, the roasting process makes separating the shell from the beans more easily.


กะเทาะเปลือกเมล็ดโกโก้

Winnowing and Grinding


ขั้นตอนการกะเทาะเปลือกเมล็ดโกโก้สามารถทำได้ทั้งมือและเครื่องจักรที่มีชื่อเรียกว่า “เครื่องกะเทาะเปลือก“ (Winnowing Machine) เมื่อกะเทาะแล้วจะเผยเมล็ดโกโก้แห้งด้านใน รู้จักในชื่อ “โกโก้ นิบส์” (Cacao Nibs) ส่วนนี่เองที่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของเมล็ดโกโก้ เพราะจะเป็นส่วนที่นำไปแปรรูปต่อเป็นช็อกโกแลต โกโก้ นิบส์มีลักษณะเป็นเม็ดชิ้นเล็กๆ อุดมด้วยสารฟลาวอนอยด์ (Flavonoids) และสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ปัจจุบัน โกโก้ นิบส์ได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพและจัดว่าเป็น “ซูเปอร์ ฟู้ด” (superfood) ชนิดหนึ่งค่ะ


Winnowing can be done by hand or winnowing machine. Once done, the dried cocoa beans inside are known as cacao nibs which are the heart of cocoa beans as they will used for conching. Made from crushed cocoa beans and rich in flavonoids and various antioxidants, cocoa nibs are regarded as superfood and very popular among health enthusiasts.


แปรรูปผงโกโก้เป็นช็อกโกแลต

Conching and Packaging


หลังจากได้ โกโก้ นิบส์ มาแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการแปรรูปให้ออกมาเป็นช็อกโกแลตค่ะ เริ่มจากนำคาเคานิบส์ไปบดละเอียดด้วยเครื่องบดครกหิน “Melanger” กลไกลของเครื่องบดและความร้อนจะทำให้สามารถแยกส่วนที่เป็น “โกโก้ บัตเตอร์” (Cocoa Butter) ออกมา ขณะที่ โกโก้ นิบส์จะอ่อนเหลวกลายเป็นโกโก้เหลวบริสุทธิ์ (Cocoa Liquor) นั่นเองค่ะ เพื่อทำให้ช็อกโกแลตออกมาสมบูรณ์แบบ ขั้นตอนต่อไปคือการนำช็อกโกแลตเหลวมาผ่านกระบวนการ “คอนซิง” (conching) ซึ่งจะทำให้เนื้อสัมผัสช็อกโกแลตนุ่มเรียบยิ่งขึ้น ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานถึง 6 ชั่วโมง ก่อนที่จะผสมกลิ่นหอม รสชาติ และพิมพ์ขึ้นรูปเป็นช็อกโกแลตพร้อมจัดจำหน่ายค่ะ


Now it’s time for conching and packaging. Start with grinding cacao nibs with melanger. The mechanism of the stone grinder and heat can separate the cocoa butter from the cacao nibs which will then become the cocoa liquor. To make the perfect chocolate, the next step is conching which will smoothen the texture of chocolate. It can take up to 6 hours to yield the rich and fragrant chocolate before the packaging process for sale.


น่าทึ่งใช่ไหมหล่ะคะกับขั้นตอนการผลิต “ช็อกโกแลต” ของหวานสุดโดนใจของผู้คนทั่วโลกที่มีต้นกำเนิดมาจากผลไม้หน้าตาแปลกประหลาดจากแดนไกล ทว่าซ่อนความอร่อยไว้อยู่ ไหนๆ ได้มาพบกับสาระน่ารู้คู่ช็อกโกแลตแบบนี้แล้ว แอดมินก็ต้องขอเอาใจเหล่าพลพรรคคนรักช็อกโกแลตกันหน่อยกับสูตรทำ “ลาซานญ่าช็อกโกแลต” ใช่ค่ะ ฟังไม่ผิด นี่คือลาซานญ่าเวอร์ชั่นของหวานที่มีส่วนผสมหลักคือช็อกโกแลตเน้นๆ อย่ารอช้าตามแอดมินเข้าครัวกันเลยค่า


The chocolate making processes are fascinating, aren’t they? As the world’s favorite dessert made from a strange-looking fruit from the faraway land, chocolate hides a scrumptiousness. After knowing the delicious story of chocolate, all chocolate lovers should try our tasty recipe of “Chocolate Lasagna,” the sweet lasagna with chocolate as the main ingredient.



วัตถุดิบ

Ingredients

1. คุกกี้โอริโอ้ 8 ชิ้น / Oreo Cookies 8 pcs.

2. เนยเทียม (ละลาย) 55 กรัม / Margarine 55 g.

3. ครีมชีส 115 กรัม / Cream Cheese 115 g.

4. น้ำตาลไอซิง 80 กรัม / Icing Sugar 80 g.

5. วิปปิ้งครีม 225 กรัม / Whipping Cream 225 g.

6. ผงพุดดิ้งวานิลลาสำเร็จรูป 30 กรัม / Instant Vanilla Pudding Powder 30 g.

7. ผงพุดดิ้งช็อกโกแลตสำเร็จรูป 80 กรัม / Instant Chocolate Pudding Powder 80 g.

8. นมสด 350 กรัม / Milk 350 g.

9. ช็อกโกแลตไซรัป / Chocolate syrup

10. ช็อกโกแลตชิพ / Chocolate Chip

11. ไวท์ช็อกโกแลตชิพ / White Chocolate Chip





วิธีทำ

Instructions

1. บดคุ้กกี้โอริโอ โดยใส่ในถุงซิปล็อค บดด้วยไม้นวดแป้งให้แหลกจากนั้นเทลงในถาด

Crush Oreo cookies in a ziplock bag with a rolling pin and transfer to a tray.


2. เทเนยละลาย กับคุกกี้โอริโอ้บดและผสมเข้าด้วยกัน

Add margarine and properly mix it with the crushed cookies.


3. เกลี่ยและกดส่วนผสมให้แน่นเป็นฐานชั้นที่1 แล้วเข้าตู้เย็นให้เซ็ตตัวประมาณ 5 นาที

Level down and press the mixture as the first base. Refrigerate for 5 minutes to make it set.


4. ทำชั้นที่ 2 โดยตีครีมชีส วิปปิ้งครีมเย็น และน้ำตาลไอซิงด้วยตะกร้อไฟฟ้าจนเป็นเนื้อเดียวกันและตั้งยอด

For the second layer, beat cream cheese, cold whipping cream, and icing sugar with a hand mixer until well-combined and reaching stiff peaks.


5. ตักส่วนผสมครีมชีส โปะลงบนฐานของโอริโอจากนั้นแช่ตู้เย็นอีกครั้งเพื่อให้เซ็ตตัว 5 นาที

Scoop the cream cheese mixture and lay it over the cookie base. Put in the fridge again for 5 minutes to let it set.


6. ทำชั้นที่ 3 โดย ผสมผงพุดดิ้งวานิลลา และผงพุดดิ้งช็อกโกแลต และนม ผสมด้วยตะกร้อไฟฟ้า จนเป็นเนื้อเดียวกันและข้นขึ้น

For the third layer, combine vanilla pudding powder, chocolate pudding powder, and milk with the hand mixer. Whisk until well-combined and thickened.


7. เทส่วนผสมพุดดิ้งลงบนส่วนผสมครีมชีส แล้วแช่ตู้เย็นอีก 5 นาที

Transfer the pudding mixture over the second layer of cream cheese mixture. Chill for 5 more minutes.


8. โปะส่วนผสมครีมชีส ลงไปเป็นชั้นที่ 4 เกลี่ยหน้าให้เรียบ นำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อให้ครีมเซ็ตตัวก่อนเสิร์ฟ

Spread the cream cheese for the fourth layer. Smooth it out and keep it in the fridge for 4 hours to allow it to set.


9. ตัดเป็นชิ้น โรยผงโอริโอ ราดด้วยช็อกโกแลตไซรัป และตกแต่งด้วย ช็อกโกแลตชิพ ก่อนเสิร์ฟ

Cut into pieces. Top with some Oreo powder, chocolate syrup, and chocolate chips before serving.


ช็อกโกแลตเลิฟเวอร์เห็นแบบนี้แล้วอดใจไม่ไหวอย่างแน่นอน แต่ไม่ต้องกังวลค่ะเพื่อนๆ อาจมาถึงตรงนี้คงได้ทั้งสาระน่ารู้เกี่ยวกับช็อกโกแลตรวมถึงวิธีการทำเมนูเด็ดอย่างลาซานญ่าช็อกโกแลตกันแล้ว ถ้าวัตถุดิบคือสิ่งที่เพื่อนๆ ชาวท็อปส์ พิกส์ กำลังมองหาอยู่ หุหุ แอดมินได้รวบรวมวัตถุดิบมาไว้อย่างครบครัน แถมยังสะดวกสุดๆ เพราะสามารถช็อปผ่านช่องทาง ท็อปส์ ออนไลน์ ง่ายๆ ส่งตรงถึงบ้านเพียงปลายนิ้วสัมผัส รับประกันคุณภาพและความสดใหม่เหมือนกับไปเดินเลือกช็อปเองกับมือเลยค่ะ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TOPS วันนี้และมาสนุกกับประสบการณ์ช็อปรูปแบบใหม่ด้วยกันนะคะ ^^


Chocolate lovers certainly can’t resist the delicious story of chocolate as well the chocolate lasagna recipe! Looking for the essential ingredients? Simply visit Tops Online and place your order in just a click away. Quality and freshness guaranteed! Download Tops application today and enjoy a new grocery shopping experience with us.



Comments


Branding_100[Jun2023]-02.jpg
shop anywhere.jpg
bottom of page