![Branding_100[Jun2023]-03.jpg](https://static.wixstatic.com/media/c8a905_84bcc842cc6a4b8aa2681559cca80578~mv2.jpg/v1/fill/w_641,h_76,al_c,q_80,enc_auto/Branding_100%5BJun2023%5D-03.jpg)
เปิดประวัติ อารันชินี เมนูข้าวทอดสไตล์อิตาเลียนแสนอร่อย
Ciao! ครั้งแอดมินขอทักทายเพื่อนๆ เป็นภาษาอิตาเลียนนิดหน่อยพอกรุบกริบนะคะ หุหุ เพราะว่าเราจะไปตะลอนชิมเมนูจานเด็ดแท้ๆ ของชาวอิตาลีที่ไม่ได้มีดีเพียงแค่เมนูพาสต้าและพิซซ่าเท่านั้น มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ... แล้วจะมีอะไรที่แตกต่างไปกว่านั้นอีกล่ะ? ขอบอกเลยค่ะว่าเรื่องราวอาหารอิตาลีที่แอดมินจะมานำเสนอครั้งนี้จะมาเปิดโลกการชิมอาหารนานาชาติของเพื่อนๆ อย่างแน่นอน อย่ารอช้ามาเตรียมตัวพบกับเมนูแสนอร่อยอย่าง “อารันชีนี” (Arancini) อาหารเรียกน้ำย่อยสไตล์อิตาเลียนที่มีส่วนผสมหลักทำจากข้าวกันเลยค่า!
Ciao! An Italian greeting to go with a signature Italian dish apart from pasta and pizza. Many of you probably wonder what else is on the Italian menu. Join us and explore the world of international flavors with “Arancini”, a scrumptious Italian-styled appetizer made with rice.
รู้จักกับ “อารันชีนี” เมนูข้าวทอดสไตล์อิตาเลียนที่ใครๆ ก็ต้องชอบ
Getting to know Arancini: Italian rice balls
แม้ว่าเมนูซิกเนเจอร์ของชาวอิตาลีจะมีส่วนผสมหลักทำจากแป้ง อย่างเมนูพาสต้าและพิซซ่า แต่ชาวอิตาลียังนิยมทานอาหารทำจากข้าวหรือ “รีซอตโต” (Risotto) เช่นเดียวกันค่ะ ชาวอิตาลีเริ่มรู้จักการนำข้าวเมล็ดสั้นมาทำเป็นอาหารมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคกลางถึงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) หรือบางหลักฐานก็ชี้ว่าข้าวเข้ามาเผยแพร่ในอิตาลีตั้งแต่คริสตศตววรษที่ 10 ผ่านพ่อค้าชาวอาหรับ โดยพันธุ์ข้าวที่มีชื่อเสียงของอิตาลี จะมีตั้งแต่ Arborio, Carnaroli, Roma, S. Andrea, Baldo, Vialone Nano และ Balilla เป็นต้นค่ะ หลายภูมิภาคของประเทศอิตาลีมีกรรมวิธีการแปรรูปข้าวให้กลายเป็นเมนูอาหารประจำท้องถิ่น ซึ่งมีเสน่ห์ทางรูปโฉมและรสชาติแตกต่างเฉพาะตัวออกไป แต่ถ้าจะให้แอดมินพูดถึงเมนูซิกเนเจอร์โดดเด่นประจำภูมิภาคสักเมนู “อารันชีนี” (Arancini) นับว่าเป็นหนึ่งในเมนูทำจากข้าวยอดฮิตของชาวอิตาลีที่มีครบทั้งรูปโฉมน่าทานและรสชาติโดนใจ แต่ก่อนที่จะไปชมสูตรทำเมนูนี้ท้ายบทความ มาทำความรู้จักกับอารันชีนีให้มากขึ้นกันดีกว่านะคะ
Although most Italian dishes like pasta and pizza are primarily based on flour, the Italians also eat rice or risotto. They had long begun to cook with short-grain rice since the Medieval period to the Renaissance era. Some evidence suggests that rice has been introduced to Italy since the 10th century by the Arab merchant. Famous Italian rice varieties range from Arborio, Carnaroli, Roma, S. Andrea, Baldo, Vialone Nano, to Balilla. In each region of Italy, rice is turned into different local dishes which possess charming appearances and unique flavors. To recommend a signature regional dish, a must-try would definitely be “Arancini”, famous yet delectable Italian rice balls. Before giving away the recipe, let’s get to know more about Arancini.
อารันชีนี (Arancini) เป็นอาหารว่างดั้งเดิมของชาวอิตาเลียน มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แคว้น ซิซิลี (Sicily) ทางตอนใต้ของประเทศ มีลักษณะใกล้เคียงกับ “โครเกต์” (Croquette) ของชาวฝรั่งเศส แม้จะไม่มีข้อมูลยืนยันว่าใครคือผู้คิดค้นสูตรคนแรก แต่ความคิดที่อยากนำรีซอตโตเหลือหลังมื้ออาหาร มาใช้ให้เกิดประโยชน์ก็สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาการทำอาหารของชาวบ้านพื้นเมืองค่ะ อารันชีนี ทำมาจากข้าวรีซอตโต ผสมกับชีส และส่วนผสมอื่นๆ ตามต้องการ ปั้นให้เป็นก้อนทรงกลมคล้ายลูกบอลหรือทรงกรวยเพื่อเลียนแบบรูปทรงภูเขาไฟเอ็ดน่า (Etna) จากนั้นจึงนำไปชุบเกล็ดขนมปังและทอดจนเหลืองทองหรือมีสีออกส้ม ในภาษาอิตาเลียน อารันชีนี แปลว่า “ส้มผลเล็ก” (little orange) ซึ่งสันนิษฐานว่ามาจากรูปร่างภายนอกที่คล้ายกับผลส้มขนาดพอดีคำนั่นเอง เมื่อกัดเข้าไปจะพบกับไส้แน่นๆ พร้อมชีสเยิ้มๆ สุดหอมหวล และสามารถเพิ่มความอร่อยด้วยการทานคู่กับซอสอาราเบียตตา (Arrabbiata) แบบเดียวกับเมนูพาสต้าได้ค่ะ
Arancini, similar to French croquette, is a staple of Sicilian cuisine in the Southern region of Italy. There’s no evidence of the first recipe developer, however, the idea of making use of the leftover risotto reflects the culinary wisdom of the local people. The Italian rice balls are made with a combination of risotto, cheese, and other ingredients of your choice. Make it into balls or cones to imitate Mount Etna volcano, coat it with breadcrumbs, and deep dry until gorgeously golden brown or orange. Arancini literally means little orange in Italy which is assumably derived from the shape similar to bite-sized orange. Indulge in the firm rice balls with rich, runny cheese alongside Arrabbiata sauce.
ไขความลับความอร่อยของ “อารันชินี”
Unravel the delicious secret of Arancini
จุดเด่นของอารันชีนีอยู่ที่ความซับซ้อนทางรสชาติ อัดแน่นอยู่ในลูกบอลทรงกลมสีเหลืองทอง ด้านนอกเคลือบด้วยเกร็ดขนมปังกรอบๆ ขณะที่ด้านในมักมีส่วนผสมของชีสชนิดต่างๆ เช่น มอสซาเรลลา (Mozzarella) และ พาร์เมซาน (Parmesan) เป็นต้น สูตรอารันชีนีดั้งเดิมที่แพร่หลายในอาหารสไตล์อิตาเลียนมีอยู่ด้วยกัน 5 สูตรคือ
The highlight of Arancini lies in complex flavors packed in the golden-brown balls. The outside is coated with crispy breadcrumbs while the inside is stuffed with different cheeses such as mozzarella and parmesan. How to make Italian rice balls can be varied and there’re 5 different original recipes as follows.
Arancini al ragù: อารันชีนีสอดไส้ซอสเนื้อหรือหมูสับที่ผ่านการเคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนงวดผสมกับมะเขือเทศและเครื่องปรุง เป็นสูตรดั้งเดิมของชาวซิซิเลียที่สามารถหาทานได้ทั่วไปในเมือง
Rice balls are stuffed with beef or pork sauce combined with tomato and seasonings and undergone the simmering process over low heat. Invented by Sicilians, this traditional recipe is generally available to try in the city.
Arancini al burro: อารันชีนีสอดไส้แฮมและมอสเซเรลลาชีสเข้ากับซอสเบชาเรล (Besciamella) หรือซอสขาวแบบอิตาเลียน เป็นสูตรที่ชาวซิซิเลียคิดค้นขึ้น และได้รับความนิยมอย่างสูง
Rice balls are stuffed with ham, mozzarella cheese, and Besciamella known as Italian white sauce. The recipe has been invented by the Sicilian and gained huge popularity.
Arancini alla Norma: อารันชีนีสูตรของชาวบ้านในกาตาเนีย (Catania) เมืองใหญ่ติดอันดับ 2 ของแคว้นซิซิลี ไส้ด้านในทำจากซอสแบบเดียวกับเมนูพาสต้านอร์มา (Pasta alla Norma) มีส่วนประกอบคือซอสมะเขือเทศ มะเขือม่วง โหระพาอิตาเลียนและชีสรีคอตต้า
This rice ball recipe has been developed by people in Catania, the second-largest city of Sicily. The stuffing is made with the same sauce as that in Pasta alla Norma which consists of tomato sauce, eggplant, Italian basil, and ricotta cheese.
Arancini al Pistacchio: อีกหนึ่งสูตรอารันชีนีของชาวกาตาเนียและชาวบ้านในแถบภูเขาไฟเอ็ดน่า (Etna) ที่มีจุดเด่นอยู่ตรงความหอมมันอร่อยของซอสถั่วพิตาชิโอ (Besciamella Pistacchio) ปรุงรสด้วยพริกไทยและเกลือ หรือสามารถเพิ่มรสชาติยิ่งขึ้นเมื่อทานคู่กับชีส
This is another recipe by the Catanian and the local people near Mount Etna volcano. It stands out for the deliciousness of Besciamella Pistacchio seasoned with salt and pepper. You may pair it with cheese to elevate the flavor.
Arancini al Cioccolato: ปิดท้ายกับสูตรอารันชีนีที่นิยมทานในรูปแบบของหวาน เพราะไส้ด้านในล้วนอัดแน่นไปด้วยซอสดาร์กช็อกโกแลตเข้มข้น ผสานเข้ากับน้ำตาล วานิลลา เนย และเปลือกเลมอน เหมาะกับทานเป็นของว่างหรือขนมหวาน
Finish up with the delightfully sweet rice ball recipe. The filling is packed with the rich dark chocolate sauce flawlessly combined with sugar, vanilla, butter, and lemon zest. This snack and dessert recipe will truly satisfy your sweet tooth.
ว้าว! เพื่อนๆ รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับแอดมินไหมคะ? ไม่น่าเชื่อว่าอาหารอิตาเลียนจะมีเมนูน่าอร่อยแถมยังสร้างสรรค์แบบนี้ด้วย เหมาะกับทำทานเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยหรือเป็นของทานเล่นสุดๆ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็มาเตรียมทำอารันชีนีสูตรโฮมเมดไปกับแอดมินเลยค่ะ ถ้ากำลังมองหาวัตถุดิบส่งตรงจากอิตาลีอยู่ แอดมินได้รวบรวมมาให้ช็อปกันถึงที่ ผ่านช่องทาง Tops Online ตรงนี้แล้วค่ะ แค่คลิกที่ลิงก์ด้านล่างและตามไปพบกับวิธีทำกันต่อเลย
Wow! It’s amazing how Italian cuisine offers such a delicious and creative dish which is perfect as snack or appetizer. Treat yourself to tasty homemade Arancini created by you. Looking for quality ingredients imported from Italy? Shop the required materials by clicking on the link below to visit Tops Online and follow our easy step-by-step recipe below.
วัตถุดิบ
Ingredients
1. ข้าวอิตาลี (พันธุ์อาร์โบริโอ) 100 กรัม / Arborio risotto rice 100 g.
2. เนยจืด 25 กรัม / Unsalted butter 25 g.
3. หอมหัวใหญ่ (หั่นเต๋า) ¼ หัว / ¼ Diced onion
4. ใบกระวาน ½ ใบ / ½ Bay leaf
5. น้ำสต๊อกผัก (ต้ม) 300 มล. / Vegetable stock 300 ml.
6. ซอสโบโลเนส 130 มล. / Bolognese sauce 130 ml.
7. เกลือ / Salt
8. พริกไทย / Pepper
9. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ / Truffle flavored olive oil 1 tbsp.
10. น้ำส้มสายชูหมักบ่มเชอรี่ / Sherry vinegar
11. ซอสกระเทียม ¼ ช้อนโต๊ะ / Garlic paste ¼ tbsp.
12. ชีสพาเมซาน 20 กรัม / Parmesan cheese 20 g.
13. ชีสมอสซาเรลลา 30 กรัม / Mozzarella cheese 30 g.
14. ไข่ขาว 1 ฟอง / 1 Egg white
15. เกล็ดขนมปัง 50 กรัม / Panko breadcrumbs 50 g.
16. ซอสอาราเบียตตามะเขือเทศผสมพริก / Agnesi arrabbiata pasta sauce
วิธีทำ
1.ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง จากนั้นนำเนยจืดไปละลายจนเริ่มขึ้นฟอง ใส่หอมหัวใหญ่ ใบกระวาน และปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย
Warm a pan over medium heat. Melt unsalted butter until bubbles start to form. Then, add onions, bay leaf, salt, and pepper to enhance the flavor
2.นำข้าวอาร์โบริโอลงไปผัดในกระทะพร้อมส่วนผสมประมาณ 2 นาที
Add arborio rice to stir fry together with other ingredients for about 2 minutes.
3. ระหว่างผัดข้าวอาร์โบริโอ เติมน้ำสต๊อกผักต้มทีละนิด คนอย่างต่อเนื่อง เติมน้ำสต๊อกจนข้าวอาร์โบริโอสุกและเหนียวเล็กน้อย จากนั้นนำฝามาปิด
During the stir fry, slowly add the vegetable stock little by little and stir constantly. Keep adding the stock until the rice is cooked and slightly sticky and cover it with a lid.
4. เมื่อข้าวอาร์โบริโอสุก ใส่ซอสโบโลเนสผสมให้ทั่วข้าวและยกออกมาพักไว้สักครู่
Once the arborio rice is properly cooked, add Bolognese sauce. Stir well and set aside.
5. เทน้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชูหมักเชอร์รี ซอสกระเทียม ชีสพาเมซาน ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
Combine olive oil, sherry vinegar, garlic paste, and parmesan cheese together.
6. นำใบกระวานออกจากกระทะ เมื่อข้าวเย็นตัวลงแล้วปั้นข้าวให้เป็นก้อนทรงกลมพอดีคำ และยัดไว้ด้วย
ชีสมอสซาเรลลา
Remove the bay leaf from the pan. Once the rice is cool, make the rice into bite-sized balls and stuff with mozzarella cheese.
7. ชุบข้าวปั้นด้วยไข่ขาว เกล็ดขนมปังและนำเข้าตู้เย็นเพื่อให้เซ็ตตัว
Coat the rice balls with egg white, breadcrumbs, and put it in the fridge to let it set.
8. เทน้ำมันและตั้งไฟที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ทอดจนอารันชีนีมีสีเหลืองทอง Heat a pan of oil at 180°c. Deep fry Arancini balls until golden brown.9. อุ่นซอสอาราเบียตต้าให้ซอสข้นขึ้นเล็กน้อย จัดเสิร์ฟพร้อมกับอารันชีนี Warm arrabbiata sauce until slightly thickened and serve alongside with Arancini balls.
9. อุ่นซอสอาราเบียตต้าให้ซอสข้นขึ้นเล็กน้อย จัดเสิร์ฟพร้อมกับอารันชีนี
Warm arrabbiata sauce until slightly thickened and serve alongside with Arancini balls.
และนี่เป็นอีกหนึ่งเมนูสุดสร้างสรรค์สไตล์อิตาเลียนนะคะ บอกเลยว่าแตกต่างจากเมนูที่เพื่อนๆ หลายคนคุ้นเคยกันอย่างแน่นอนค่ะ เพราะ “อารันชีนี” โดดเด่นทั้งรสชาติและรูปร่างหน้าตาตะมุ๊ตะมิ๊พอดีคำ ทานเป็นของว่างเก๋ๆ หรือเสิร์ฟเป็นเมนูหลักก็อร่อยได้เหมือนกัน แต่อย่างที่รู้นะคะว่าอาหารจะมีรสอร่อยได้ ก็ต่อเมื่อมีวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพค่ะ
Try Arancini, another creative dish from Italian cuisine. Different from what you’re accustomed with, the Italian rice balls stand out for their distinctive flavor and cute little bite-sized shape. It’s equally good for serving as a snack as well as the main course. Good quality ingredients play such an important role in sumptuous dishes
ตอนนี้ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ ออนไลน์ จัดแคมเปญ “Italian Fair” คัดสรรสินค้าจากอิตาลีเอ็กซ์คลูซีฟและสินค้า New In มาใหม่ล่าสุด พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุด มอบส่วนลดสินค้าสูงสุดถึง 20% ให้เพื่อนๆ ได้สนุกไปกับการช็อปอย่างไร้พรมแดน โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2564 - 7 กันยายน 2564 ที่ เซ็นทรัลฟู้ด ฮอลล์ ทุกสาขา และ ท็อปส์ ออนไลน์ หรือเลือกช็อปสะดวกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นได้เลยค่ะ โปรโมชั่นเด็ดๆ พร้อมส่วนลดดีๆ มีอีกมาก! คลิกเลย!
The Italian Fair Campaign is held from 25 August 2021 – 7 September 2021 at all branches of Central Food Hall and Tops Online where you will find our selected range of exclusive and new in products from Italy and enjoy up 20% discount. Simply go to Central Food Hall or Tops Online website and application 24 hours where special promotions and fantastic deals are offered. Click now!
![Branding_100[Jun2023]-02.jpg](https://static.wixstatic.com/media/c8a905_536f4305ef494e7cb930153d17787b32~mv2.jpg/v1/fill/w_300,h_252,al_c,q_80,enc_auto/Branding_100%5BJun2023%5D-02.jpg)
Comments