ตามรอยที่มาของวันแห่งการบริโภคอาหารจากพืช Plant Power Day
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพและการบริโภคอย่างยั่งยืน ยังคงเป็นกระแสหลักที่คนส่วนใหญ่ตระหนักกันมาอย่างต่อเนื่องในช่วงปีผ่านมาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้ และเนื่องในโอกาสที่จะใกล้ถึงวันแสดงพลังแสนยานุภาพของอาหารจากพืช หรือ Plant Power Day ตรงกับวันที่ 7 มีนาคม ของทุกปีทั้งที ท็อปส์ พิกส์ เลยขอมีส่วนร่วมในการเผยแพร่ความรู้ถึงประวัติที่มา และความสำคัญของในวันสำคัญนี้ให้ทุกคนได้ทราบกันมากยิ่งขึ้นค่ะ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังจะเริ่มต้นบริโภคอาหารจากพืชเพื่อสุขภาพอยู่ล่ะก็แอดมินบอกเลยว่าห้ามพลาดคอนเทนต์นี้ด้วยประการทั้งปวงค่ะ
It's undeniable that healthy food trends and sustainable consumption remain the mainstreams that the majority of people have taken into account since the past year until today. Since Plant Power Day on 7 March of every year is just around the corner, Tops Picks wish to take part in sharing its history and importance. In case you’re about to start consuming plant-based food for good health, you shouldn’t miss this article.
แอดมินจะขอพาทุกคนนั่งไทม์แมชชีนย้อนไปเมื่อสมัยช่วง 3,300-1,300 ปีก่อนคริสตกาล ณ ดินแดนลุ่มแม่น้ำสินธุ แห่งประเทศอินเดีย ซึ่งมีหลักฐานปรากฏถึงการดำเนินวิถีชีวิตด้วยการรับประทานมังสวิรัติ โดยถือเป็นตำนานการกินอาหารเจที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยทีเดียวค่ะ สำหรับการดำเนินชีวิตด้วยการรับประทานอาหารมังสวิรัติเริ่มต้นจากเหล่านักปรัชญาชาวอินเดีย ซึ่งไลฟ์สไตล์เหล่านี้ก็ได้ถูกเผยแพร่กระจายออกไปยังอีกฟากฝั่งหนึ่งของโลกในดินแดนเมืองกรีกและโรมันผ่านนักปรัชญาเจ้าถิ่นอย่าง ลูเซียส แอนเนอุส เซเนกา (Lucius Annaeus Seneca) ปูบลิอุส ออวิดิอุส นาโซ (Pvblivs Ovidivs Naso) พลูทาร์ก (Plutarch) และเอมเพโดคลีส (Empedocles) ในช่วงไม่กี่ปีก่อนถึงสมัยคริสตกาลค่ะ
Let’s take a time machine back to 3,300 – 1,300 B.C. in the land within the Sindhu River Basin of India. There’s evidence suggesting a way of life based on a vegetarian diet which is considered the world’s oldest legend of vegetarian diet initiated by Indian philosophers. This plant-based lifestyle was spread to the other side of the globe in the Greek and Roman land a few years before Christ through the local philosophers such as Lucius Annaeus Seneca, Pvblivs Ovidivs Naso, Plutarch and Empedocles.
ด้วยเหตุผลการรับประทานอาหารจำพวกมังสวิรัติ ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน ผนวกรวมกับความห่วงใยถึงสวัสดิภาพของเพื่อนสัตว์ร่วมโลก ที่อัลมาอารี (Al-Ma'arri) กวีชาวอาหรับได้ตระหนักถึง และได้บอกต่อกับคนรอบตัว จนในวันหนึ่งการรับประทานอาหารจากพืชก็เริ่มเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง ขยายอาณาเขตไปยังสหราชอาณาจักร ตลอดไปจนถึงสหรัฐอเมริกา ในระหว่างช่วงศตวรรษที่ 19 ด้วยเช่นกันค่ะ
The fact that the vegetarian diet led to sustainable health and the concern about animals that Al-Ma'arri, an Arabic poet, took into account and spread the word to people around him, one day made plant-based food consumption gain wide acceptance and spread to Britain and all the way to America as well during the 19th century.
คราวนี้แอดมินก็จะมาบอกเล่าถึงความฮอตฮิตของการรับประทานอาหารจากพืชในดินแดนตะวันตกให้ทุกคนได้ทราบกันว่ายืนหนึ่งและมาแรงขนาดไหน โดยอ้างอิงจากบันทึกของนักกวีชาวอังกฤษ เพอร์ซี บิยส์ เชลลีย์ (Percy Bysshe Shelley) จากหนังสือการพิสูจน์อาหารจากธรรมชาติ (A Vindication of Natural Diet) กล่าวไว้ว่าวิลเลียม แลมบ์ (William Lambe) นายแพทย์ชาวอังกฤษ และนายซิลเวสเตอร์ เกรแฮม (Sylvester Graham) ร่วมกันคิดค้นและพัฒนาแผนการรับประทานอาหารแบบเกรแฮม (Graham Diet) ที่ปราศจากการบริโภคเนื้อสัตว์ เน้นทานอาหารจำพวกธัญพืช ซึ่งแนวคิดนี้ก็ได้การตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ช่วงปีค.ศ. 1830 ในสหรัฐอเมริกา และเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1840 สมาคมมังสวิรัติก็ได้ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นอย่างทางในสหราชอาณาจักรค่ะ
Let’s discuss how popular plant-based food consumption becomes in the Western world. Referring to “A Vindication of Natural Diet”, a book written by Percy Bysshe Shelley, an English poet, William Lambe, an English physician together with Sylvester Graham invented and developed the Graham Diet which was free of meat and allowed an abundance of whole grains. This concept had received better feedback in 1830 in America and the Vegetarian Society was founded in Britain in 1840.
จนมาถึงปีศ.ศ.1994 เป็นช่วงที่การรับประทานอาหารจากพืชพีคสุดๆ เพราะในประเทศอังกฤษมีคนร่วมอุดมการณ์นี้ด้วยมากมายจนสามารถจัดตั้งเป็นสังคมวีแกน (Vegan Society) ที่รวมตัวผู้ที่เน้นบริโภคอาหารจากพืชเป็นหลัก และรวมไปถึงละทิ้งการแสวงหาประโยชน์จากสัตว์ร่วมโลกอีกด้วยค่ะ
It’s not until 1994 that the plant-based food consumption reached its peak since a large number of British people joined the cause and established the Vegan Society where plant-based food consumers as well as those abstaining from animal exploitation congregated.
กระแสการรับประทานอาหารที่เน้นจากพืชยังดำเนินและคงอยู่มาเรื่อยๆ จนถึงปีค.ศ.2018 ได้เกิดการร่วมมือของอัลโปร (Alpro) บริษัทผลิตสินค้าแพลนต์เบสเพื่อสุขภาพอันดับ 1 จากยุโรป และ BOSH! คลับเว็บไซต์รวมเรื่องราวคอนเทนต์ ตลอดจนการแชร์สูตรอาหารวีแกนสำหรับคนรักสุขภาพ ได้ปักหมุดวันที่ 7 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันแห่งการบริโภคอาหารจากพืช หรือ Plant Power Day เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและสืบทอดเจตนารมย์ในการกระตุ้นให้ทุกคนรับประทานอาหารที่เน้นพืชผักผลไม้ หรืออาหารที่ทำจากวัตถุดิบจากส่วนผสมของพืชเป็นหลักมากยิ่งขึ้นจนมาถึงในปัจจุบันนี้ค่ะ
The plant-based diet trend continued and remained until 2018 that Alpro, Europe’s No. 1 plant-based food producer and BOSH!, a club website where content and vegan recipes are shared, officially regard 7th March of every year “Plant Power Day” so as to boost morale and inherit the intention of motivating people to focus on consuming fruit and vegetables or plant-based food until today.
ถึงแม้ว่าใน 365 วันจะปักหมุดเน้นการบริโภคอาหารจากพืชเพียงแค่วันเดียว แต่แอดมินบอกเลยว่าอาหารจากพืชผักผลไม้นั้นสามารถทานได้ทุกวันค่ะ ดังเช่นในวันนี้ที่ท็อปส์ พิกส์ไม่ได้มาแค่เพียงให้ความรู้เกี่ยวกับที่มาของ Plant Power Day เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสูตรอาหารอร่อยๆ ที่เน้นวัตถุดิบหลักเป็นพืชผักมาฝากทุกคนอีกด้วย เมนูที่ว่านั้นก็คือ “พิซซ่าดอกกะหล่ำ” อาหารอิตาเลียนสัมผัสบางกรอบจากแป้งดอกกะหล่ำ ท็อปปิ้งด้วยชีสวีแกน และสารพัดเครื่องเคราอย่างธัญพืช รวมไปถึงผักนานาชนิด มาพร้อมกับกลิ่นหอมอบอวลจากเครื่องเทศออริกาโน ยั่วสุดอะไรสุดขนาดนี้ก็ต้องตามแอดมินไปดูวัตถุดิบและวิธีการทำกันแล้วไหมคะ?
Although the focus of Plant Power Day is only 1 day out of 365, we can actually consume plant-based food daily. That’s why we’re not only sharing with you the history of Plant Power Day, but also giving away a sumptuous recipe mainly made from plant-based ingredients and that is “Cauliflower Pizza Crust” an Italian dish with a thin yet crispy crust from cauliflower flour mix, topped with vegan cheese, various grains and greens, and infused with aromatic oregano. Join us and check out the ingredients and instructions to create this mouthwatering vegan pizza.
วัตถุดิบ
Ingredients
1. แป้งอเนกประสงค์ออร์แกนิค 6 ถ้วยตวง / All-purpose flour 6 cups
2. ดอกกะหล่ำ 1-2 หัว / 1-2 Cauliflowers
3. เมล็ดแฟลกซ์ 1½ ช้อนโต๊ะ / Flaxseed 1½ tbsp.
4. น้ำเปล่า 1 ลิตร / Water 1 L.
5. เกลือทะเล ¼ ช้อนชา / Sea salt ¼ tsp.
6. ชีสวีแกน 3 ช้อนโต๊ะ / Vegan cheese 3 tbsp.
7. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ / Corn starch 2 tbsp.
8. ซูกินี 2-3 ผล / 2-3 Zucchinis
9. ต้นหอม 2 ต้น / 2 Spring onions
10. พริกชี้ฟ้าแดง 7-8 เม็ด / 7-8 Red chili peppers
วิธีทำ
Instructions
1. ก่อนเริ่มการทำพิซซ่า เราจะมาวอร์มเตาอบกันก่อน โดยเปิดเตาอบ และปรับความร้อนที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส
Preheat the oven at 190°C.
2. เริ่มขั้นตอนผสมแป้งพิซซ่า โดยนำดอกกะหล่ำมาสับจนเป็นเนื้อละเอียด จากนั้นก็ตั้งหม้อบนเตาไฟ ปรับไฟระดับปานกลาง เทน้ำเปล่าใส่ลงในหม้อ จากนั้นนำดอกกะหล่ำสับละเอียดมาต้มให้สุก แล้ววางพักไว้
To make the pizza crust mixture, chop cauliflower until fine. Then, bring a pot of water to a boil over medium heat. Add the chopped cauliflower and cook until done. Set aside.
3. นำดอกกะหล่ำลวกสุก แป้งอเนกประสงค์ออร์แกนิค เมล็ดแฟลกซ์ และน้ำเปล่า 4 ช้อนโต๊ะใส่ลงในชามผสมอาหาร ปรุงรสด้วยเกลือทะเลเล็กน้อย จากนั้นก็นวดแป้งให้เข้ากันดีเป็นเนื้อเดียวกัน
In a large mixing bowl, add cooked cauliflower, all-purpose flour, flaxseed, 4 tablespoons of water and a little bit of sea salt to enhance the flavor. Knead the dough until well-blended.
4. นำแป้งดอกกะหล่ำมารีดเป็นแผ่นบาง จากนั้นนำไปวางลงบนกระดาษไขโรยแป้งข้าวโพดที่ปูรองเตรียมไว้ในถาดเตาอบ
Line a baking pan with parchment paper. Sprinkle with a little corn flour. Then, spread the dough into a thin circle and place over the paper.
5. ตกแต่งหน้าพิซซ่าโดยการวางชีสวีแกน และซูกินีหั่นแว่นบางให้ทั่วทั้งแผ่นแป้งดอกกะหล่ำ จากนั้นนำเข้าเตาอบ โดยใช้เวลาอบร้อนประมาณ 30 นาที
Garnish the cauliflower dough with vegan cheese and thinly sliced zucchini. Bake for about 30 minutes.
6. เมื่ออบครบเวลาตามกำหนด และได้พิซซ่าดอกกะหล่ำในสัมผัสที่น่าพอใจแล้ว ให้นำออกจากเตาอบมาจัดวางไว้ในจาน จากนั้นซอยต้นหอม และพริกชี้ฟ้าแดง โรยตกแต่งให้ทั่วทั้งหน้าพิซซ่า เพียงเท่านี้เราก็จะได้พิซซ่าในสไตล์วีแกนมาลองลิ้มชิมรสกันแล้วค่า...
Once satisfied with the texture of cauliflower pizza crust, remove from the oven and top with additional garnishes, such as thinly sliced spring onion and red chili peppers. Dish up and enjoy the vegan pizza whilst hot.
พบกับสารพัดสินค้าพืชผักผลไม้ ตลอดจนวัตถุดิบจากส่วนผสมของพืชเป็นหลัก และอาหารแพลนต์เบสพร้อมทานมากมายหลายแบบได้แล้ววันนี้ที่โซนเฮลธิฟูล ในท็อปส์ และท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ทุกสาขา หรือจะเลือกช็อปสะดวกง่ายได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งในเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน Tops Online หรือ Shopee Mall: Tops Official บอกเลยว่ามีสินค้าครบจบทุกความต้องการ แถมยังมีโค้ดส่วนลดจุกๆ รออยู่ด้วย ช็อปกับท็อปส์ที่หน้าร้านหรือหน้าจอก็มีแต่คำว่าคุ้มรออยู่ทุกวัน ช็อปเลย!
Find a wide variety of fruit, vegetables, plant-based ingredients and food in the Healthiful corner at Tops and Tops Food Hall. Also, you can conveniently shop from anywhere at Tops Online website and application or Shopee Mall: Tops Official where you will find everything you need and enjoy discount codes. Either shopping in store or online is all worth your while every day. Shop now!
Comments