เปิดประวัติ “กาแลตต์ เดส์ รัวส์” ขนมเค้กแห่งกษัตริย์
หากเพื่อนๆ เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบและหลงใหลในรสชาติหอมหวาน แอดมินเชื่อว่าจะต้องคุ้นเคยกับขนมหวานแห่งการเฉลิมฉลองยอดฮิตที่นิยมเสิร์ฟในช่วงเวลาพิเศษต่างๆ เช่น วันเกิด วันครบรอบ และวันสำคัญตามวาระโอกาส ใช่แล้วค่ะ แอดมินกำลังพูดถึง “ขนมเค้ก” นั่นเอง ซึ่งเค้กก็มีลักษณะคล้ายกับอาหารอื่นๆ นะคะ ตรงที่สูตรขนมเค้กนั้นมีอยู่มากมาย และโดยพื้นฐาน ขนมเค้กเป็นอาหารที่มีรสหวานมักทำจากแป้งสาลี น้ำ น้ำตาล ไข่ เนย จากนั้นก็นำไปผ่านกระบวนการอบจนกระทั่งนุ่มฟูแบบขนมปังหรือมีเนื้อสัมผัสกรุบกรอบแบบพายค่ะ
Are you falling in love with sweet delicate flavor? If so, you might be familiar with a type of dessert that has been popular for all ceremonial events such as birthdays, anniversaries, and other special occasions. Of course, we’re talking about “Cake”. Like other foods, cake recipes are undoubtedly varied. However, the basic ingredients of cake simply consist of flour, water, sugar, eggs, and butter. Thanks to the baking process, the mixture has transformed into an irresistible sweet food that has a fluffy texture like bread or even flaky like pies.
นอกจากนั้นสูตรขนมเค้กแล้ว สิ่งที่ทำให้ขนมเค้กประเภท แตกต่างอย่างโดดเด่นเลยคือ “วัฒนธรรม” ที่อยู่ในรูปแบบของการรังสรรค์ขึ้นค่ะ ในโอกาสที่วันนี้ตรงกับวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ คือ “วันสมโภชพระคริสต์แสดงองค์” หรือ “วันเอพิฟานี” (Epiphany) แอดมินจึงมาแบ่งปันสาระน่ารู้เกี่ยวกับเค้กชนิดหนึ่งที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมของชาวฝรั่งเศสและชาวยุโรปผู้นับถือศาสนาคริสต์นั่นคือ “กาแลตต์ เดส์ รัวส์” (Galettes des Rois) หรือ “ขนมเค้กแห่งกษัตริย์” ค่ะ ได้ยินแค่ชื่อก็รู้สึกสงสัยแล้วใช่ไหมคะ? มาค้นหาคำตอบไปกับแอดมินได้เลยค่า
Apart from recipes, the main factor that differentiates each type of cake from another is “food cultures”. On the occasion of the “Epiphany”, also known as a Christian holy day commemorating the first revelation of Jesus Chris, we’d like to share with you a brief history of “Galette des Rois or The King Cake”, a classic pastry recipe that has been part of French and European cultures for centuries. Wish to learn more about a cake that fits for kings? Let’s find out together.
ทำไมถึงต้องเป็นเค้กแห่ง “กษัตริย์” ?
Why “King Cake”?
ที่ประเทศฝรั่งเศส ภายหลังผ่านพ้นค่ำคืนวันคริสต์มาสและเข้าสู่สัปดาห์แรกของปีใหม่เป็นเวลา 12 วัน บรรดาร้านขนมอบและร้านขนมปังที่ชาวฝรั่งเศสเรียกว่า “ปาติสเซอรี” (Pâtisserie) และ “บูลองเฌอรี” (Boulangerie) แทบทุกร้าน จะเริ่มวางจำหน่ายขนมอบทรงกลมชื่อ “กาแลตต์ เดส์ รัวส์” ซึ่งแปลว่า “ขนมแห่งกษัตริย์” (King Cake) เพื่อต้อนรับเทศกาล “เอพิฟานี” เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 มกราคมถึงวันที่ 12 มกราคม ชาวคริสต์เชื่อว่า วันเอพิฟานี คือวันที่พระคริสต์ (Christ) ถือกำเนิดครบ 12 คืน (The Twelfth Night) หลังวันคริสต์มาส
During the “Twelve Days of Christmas” in France, It is quite common to see that almost every “pâtisserie” (a pastry shop) and also “boulangerie” (a bakery shop) start selling a flat round puff pastry cake called “Galette des Rois” to be enjoyed on 6th January – 12th January in honor of the ancient Christian feast of the “Epiphany” which is intended to commemorate the twelfth night of Christ’s birth after Christmas.
ตำนานเล่าขานว่า ในวันเอพิฟานี มี 3 นักปราชญ์ (บ้างเรียกว่า Magi, Wise Men หรือ Three Kings) ออกเดินทางจากแดนไกลเพื่อติดตามดวงดาวไปยังเมืองเบธเลเฮม (Bethlehem) สถานที่ประสูติของพระเยซูแห่งนาซาเรธ (Jesus of Nazareth) เมื่อเดินทางถึง เหล่านักปราชญ์ต่างประจักษ์ว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า จึงได้มอบของล้ำค่า 3 อย่างคือ ทองคำ (Gold) สื่อถึงความคู่ควรในตำแหน่งกษัตริย์ กำยาน (Frankincense) เพื่อถวายบูชาพระเจ้าและ มดยอบ (Myrrh) เพื่อสื่อถึงความเป็นมนุษย์แท้
According to the legend, 3 Kings (also referred to as the Magi or The Wise Men) traveled such a long distance to follow the Star of Bethlehem that eventually led the 3 Kings to the birthplace of Jesus of Nazareth. When they arrived, they recognized that just-born baby Jesus is the Son of God. To pay homage, the 3 Kings then offered the 3 precious gifts namely “Gold” to represent his kingship, “Frankincense” to symbolize his status as holy and worthy of worship, and Myrrh to represent Jesus’s mortality.
ในส่วนของประเพณีการทำเค้ก กาแลตต์ เดส์ รัวส์ เชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ โดยเริ่มจากเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ “แซตเทอร์นาเลีย” (Saturnalia) เพื่อเฉลิมฉลอง แซตเทิร์น (Saturn) เทพแห่งการเกษตรกรรม รูปแบบเค้กดั้งเดิมจึงทำจากส่วนผสมเรียบง่ายและมีลักษณะกลมแบน เทศกาลนี้ยังเปิดโอกาสให้ชาวโรมันทุกชนชั้นได้ทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นวันแต่งตั้งกษัตริย์โรมันอีกด้วย เค้ก กาแลตต์ เดส์ รัวส์ จึงมีประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับความเป็นกษัตริย์ ในบรรดาชาวยุโรปทั้งหลาย ชาวฝรั่งเศสยังคงปฏิบัติประเพณีนี้อยู่ ปัจจุบันช่างทำขนมปังที่ผ่านการคัดเลือกจะอบเค้ก กาแลตต์ เดส์ รัวส์ ชิ้นใหญ่ยักษ์เพื่อมอบให้แก่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสในวันที่ 6 มกราคมของทุกปี แสดงถึงปณิธานของชาวฝรั่งเศสที่ต้องการการสืบสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น
It is believed that the tradition of making Galette des Rois was originated during the times of the ancient Roman Empire where Roman people celebrate “Saturnalia”, a feast dedicated, Saturn, a Roman god of agriculture. According to historical pieces of evidence, an ancient Roman version of “Galette” looked like a plain flat-round cake, consisted of simple ingredients. The wheat bread was customarily eaten during the pagan feast where the Romans of every social status able to eat at the same table. Also, it was the election day of the Roman King. So, Galette des Rois has long been related to the monarch among the Europeans. In France, this tradition still exists. These days, the eligible bakers will make a gigantic Galette des Rois for the President of the French Republic on the 6th January every year. This practice expresses a strong will of the French citizens to preserve the tradition from generation to generation.
ตำนานส่วนผสมแห่งความอร่อย
The Legendary Recipe of Galette des Rois
เอกลักษณ์ของ กาแลตต์ เดส์ รัวส์ อยู่ตรงรูปโฉมทรงกลมแบน และถึงแม้จะเรียกว่าเค้ก แต่เนื้อสัมผัสของขนมอบชนิดนี้จะคล้ายกับพายหรือทาร์ตที่คนไทยคุ้นเคย เพราะทำจากแป้งพัฟที่ผ่านการอบจนซ้อนเรียงเป็นชั้นๆ (Pâte Feuilletée) และมีสีน้ำตาลทองสวยงาม ด้านในสอดไส้อัลมอนด์กวน ซึ่งคนฝรั่งเศสเรียกว่า “ฟรันจิปาน” (Frangipane) หากเป็นไส้ผลไม้อบแห้งจะเรียกว่า “เด ฟรุย กงฟี” (des fruits confits) ในบางร้านช่างอบขนมอาจเติมความสร้างสรรค์ด้วยไส้สูตรใหม่ๆ ไม่รู้จบ เนื่องจากเป็นเมนูสำหรับวันพิเศษอย่างในวันกาแลตต์ เดส์ รัวส์ จึงนิยมทานภายในครอบครัว โดยจะหั่นเป็นชิ้นเท่าๆ กัน เพื่อแจกจ่ายให้สมาชิกครอบครัวทานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
Galette des Rois is traditionally baked in the shape of a round brioche cake. Though people call it “cake”, but its texture is actually similar to puff pastries or tarts that the Thai people know well. Galette des Rois made from Pâte Feuilletée or layers of golden-brown puff pastries and stuffed with a creamy almond filling called “Frangipane” or dried fruits called “des Fruits Confits” while some bakers might express their creativities through new and exciting filling ideas. King Cake is made specially to celebrate the special occasion and usually eaten within a family by dividing the cake into even pieces for all family members.
ค้นหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนเร้น
Finding the Hidden Treasure
นอกจากเกร็ดประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์ทางรสชาติ กาเลต์ เดส รัว ยังมีธรรมเนียมที่เป็นจุดเด่นนั่นคือการค้นหา “ขุมทรัพย์” ที่ซ่อนเร้น เพื่อเชื่อมโยงกับตำนาน 3 ของล้ำค่าในวันเอพิฟานี ระหว่างการอบเค้ก กาแลตต์ เดส์ รัวส์ ช่างทำขนมอบจะนิยมใส่ตุ๊กตาตัวเล็กๆ (une fève) ในใส้ ซึ่งทำจากเซรามิคหรือพลาสติก หรือบางแห่งอาจใช้ทองคำแท้ ตามประเพณี สมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในบ้านจะลงไปแอบใต้โต๊ะอาหารและเป็นผู้ตัดสินว่าจะให้ขนมชิ้นนี้กับใครในครอบครัวบ้าง หลังออกมาจากที่ซ่อน ก็จะทานเค้กพร้อมกัน หากใครเจอตุ๊กตาจิ๋วในเค้ก ผู้นั้นจะถือว่าเป็นกษัตริย์หรือราชินี และจะได้ครอบครอง “มงกุฏสีทอง” (une couronne) ซึ่งมักมาพร้อมกับเค้ก กาแลตต์ เดส์ รัวส์ นับว่าเป็นกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ทั้งสนุกสนานและอิ่มอร่อย
Apart from its delightful anecdote and unique taste and texture, people are invited to find the “hidden treasure “associated with the 3 precious gifts from the three wise men legend. This tradition has made Galette des Rois joyful and distinctive. While making Galette des Rois, the bakers usually add a figurine (une fève) made from ceramic or plastic to the filling. Some might use figurine made from real gold which is the traditional practice in those days. Then, the youngest member of a family will hide under the table, and decide which piece to give to each family member then everyone eats the cake together. Whoever finds the hidden figurine will be declared as a “king” or a “queen”, and the golden crown which usually comes with Galette des Rois (une couronne) will also be given to that lucky person. The cake itself may play a role as a mouthwatering dessert but the tradition of eating the cake can also be an activity to strengthen family bonds.
และนี่เป็นเกร็ดเกี่ยวกับ “กาแลตต์ เดส์ รัวส์” เค้กสามกษัตริย์ ที่ชาวฝรั่งเศสนิยมทานในโอกาสสำคัญของคริสต์ศาสนิกชน นั่นคือวัน เอพิฟานี หรือ วันสมโภชพระคริสต์แสดงองค์ แอดมินหวังว่าเพื่อนๆ จะได้รับความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอันทรงเสน่ห์จากแดนน้ำหอม สำหรับผลิตภัณฑ์เอ็กซ์คลูซีฟส่งตรงจากประเทศฝรั่งเศสหลายชนิด สามารถช็อปได้ที่ ท็อปส์ ทุกสาขา หรือช็อปผ่าน ท็อปส์ ออนไลน์แอปพลิเคชัน ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง คลิกเลย!
And this is a brief history of “Galette des Rois”, a typical French pastry for celebrating the holy day of Epiphany. We hope you love the story and be able to get to know more about the enchanted customs and cultures of France. You can find all exclusive products imported from France at Tops store or visit Tops online application by simply click on the link below!
Comments