หวานชื่นสดใสกับ 7 ขนมไทยสีพาสเทลสุดฟรุ้งฟริ้ง
สดชื่นรื่นรมย์ต้อนรับเดือนสุดท้ายของปี 2021 แบบนี้ด้วยการเติมเต็มความหวานเข้าสู่ร่างกายกับไอเดียเมนูขนมหวานในแบบไทยๆ ที่มาในรูปแบบใหม่สีสันละมุนตาสุดสุดฟรุ้งฟริ้งในรูปแบบสีพาสเทล ซึ่งในวันนี้แอดมินมีเมนูขนมไทยอร่อยถูกปาก แถมยังมีหน้าตาที่ถูกใจได้อย่างไม่ยากมาแนะนำเพื่อนๆ ให้ไปลองลิ้มชิมรสชาติกัน จะมีเมนูอะไรบ้างไปชมกันเลยค่า...
อาลัว
ขนมหวานไทยโบราณที่ได้รับอิทธิพลมาจากขนมสไตล์โปรตุเกส เป็นขนมที่มีส่วนผสมของแป้งสาลี น้ำตาล และน้ำกะทิ นำมากวนเข้ารวมไว้ด้วยกัน เติมสีสันตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นสีสดก็ดูสวยดี หรือสีพาสเทลก็ดูละมุนตา มาพร้อมกับสัมผัสกรอบด้านนอกที่มีลักษณะเป็นน้ำตาลแข็ง และความนุ่มของแป้งหนืดด้านในที่ให้เพื่อนๆ เคี้ยวหนึบหนุบหนับเพลินๆ ได้ทั้งวันค่ะ
กลีบลำดวน
เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมหวานมงคลฉบับไทยโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบันนี้ เพรียบพร้อมไปด้วยหน้าตาอันสวยงาม และรสชาติกลมกล่อมที่หวานนิดเค็มหน่อย มาพร้อมกลิ่นหอมควันเทียน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของขนมไทย สำหรับตัวขนมกลีบลำดวนนั้นจะมีเนื้อร่วน แต่ยังคงให้สัมผัสที่นุ่มเบาละมุนลิ้นจนแทบละลายในปากเลยค่ะ
บัวลอยไข่หวาน
ขนมไทยในดวงใจใครหลายๆ คน ที่ประกอบไปด้วยเม็ดบัวลอยเหนียวนุ่มที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวแต่งแต้มสีสันด้วยสีผสมอาหารจากธรรมชาติ ต้มในน้ำกะทิเข้มข้นหวานหอมมันให้เข้าเนื้อแป้งเม็ดบัวลอย ทานคู่กับไข่หวานเนื้อคัสตาร์ด อร่อยหวานมันเข้ากันดีสุดๆ แถมสีสันก็สดใสคัลเลอร์ฟูล เหมาะสำหรับการถ่ายรูปทำคอนเทนต์ลงในโซเชียลอีกด้วยค่ะ
น้ำดอกไม้
ขนมไทยโบราณสัมผัสเหนียวหนุบหนับหอมกลิ่นดอกมะลิสารพัดสีพาสเทลละมุนตา มีขั้นตอนการทำง่าย ไม่ซับซ้อนเพียงมีวัตถุดิบแค่ 5 อย่างคือแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทรายขาว น้ำลอยดอกมะลิ และสีผสมอาหาร โดยขนมน้ำดอกไม้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “ขนมชักหน้า” เพราะเมื่อขนมผ่านการนึ่งร้อนเรียบร้อยแล้ว ตัวเนื้อแป้งจะชักหน้าดึงลงไปตรงบริเวณกลางถ้วยนั่นเองค่ะ
ขนมผิง
เพลิดเพลินไปกับแป้งกรอบที่พร้อมละลายในปากได้ทุกเมื่อไปกับขนมไทยโบราณอย่างขนมผิง รวมส่วนผสมแป้งและน้ำตาลทรายขาวแล้วนำเข้าไปอบร้อนจนสุกดี ขนมผิงเป็นขนมไทยโบราณอีกเมนูหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลมาจากขนมสไตล์โปรตุเกส และหากเพื่อนๆ คนไหนต้องการเพิ่มอรรถรสความอร่อย แอดมินขอแนะนำให้ทานขนมผิงคู่กับชาหรือกาแฟร้อน บอกเลยว่าเข้ากันสุดๆ เลยค่ะ
สัมปันนี
อีกหนึ่งขนมไทยโบราณที่ไม่คุ้นหูคุ้นตาเพื่อนๆ สักเท่าไร แต่ถ้าหากใครได้ลิ้มลองเป็นต้องติดใจอย่างแน่นอน ด้วยสัมผัสอันนุ่มเนียน ละเมียดละไมของแป้งมัน ผสมรวมกับน้ำกะทิและน้ำตาล ทรายขาว ปรับสูตรให้เข้ากับยุคสมัยด้วยการหยอดสีผสมอาหารละมุนตาแล้วคนให้เข้ากันอีกที จากนั้นใส่ลงในแม่พิมพ์รูปทรงต่างๆ ตามต้องการ แล้วนำไปอบควันเทียนให้ได้กลิ่นหอมเย้ายวนใจ เมื่อครบเวลาที่กำหนดแล้วก็พร้อมเสิร์ฟรับประทานได้เลยค่ะ
ทับทิมกรอบ
เติมเต็มความสดชื่นที่มาพร้อมกับสีสันสดใสด้วยขนมไทยยอดนิยมอย่างทับทิมกรอบ ซึ่งทำมาจากแห้วหรือมันแกวหั่นชิ้นเล็ก นำไปคลุกเคล้ากับสารพัดสีผสมอาหารละลายน้ำตามชอบ และแป้งมันให้เกาะตัวดี แล้วนำไปต้มจนได้เม็ดทับทิมกรอบสีพาสเทลสุดฟรุ้งฟริ้ง ทานคู่กับน้ำเชื่อมหอมกลิ่นมะลิผสมน้ำกะทิหวานมัน ท็อปปิ้งด้วยขนุนฉีกหรือมะพร้าวอ่อน อร่อยหวานสดชื่นโดนใจคนทุกเพศ ทุกวัยอย่างแน่นอนค่ะ
ฟินกรุบไปกับ 7 เมนูขนมไทยโบราณที่เสิร์ฟมาในรูปแบบโฉมใหม่สดใสกว่าเดิมในสีพาสเทลที่แอดมินนำมาฝากกันไปแล้วนะคะ และอีกสิ่งหนึ่งที่แอดมินจะลืมไปไม่ได้เลยก็คือการแจกสูตรอาหารให้เพื่อนๆ ได้ลองไปทำทานกันดูในช่วงสุดสัปดาห์นี้ค่ะ ซึ่งสูตรเมนูคู่คอนเทนต์นี้ก็คือ “ทับทิมกรอบสายรุ้ง” ที่มาพร้อมกับเม็ดทับทิมสีสันสดใสถึง 5 สี เสิร์ฟมาในน้ำกะทิหอมหวานมัน แถมยังหาวัตถุดิบง่าย และวิธีการทำที่ไม่ซับซ้อน ใครๆ ก็สามารถทำได้ค่ะ หากเพื่อนๆ คนไหนพร้อมเติมเต็มความหวานชื่นในชีวิตแล้วก็ตามแอดมินไปรับชมสูตรกันได้เลย!
วัตถุดิบ
1. แห้วในน้ำเชื่อม 1 กระป๋อง
2. สีผสมอาหาร (สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีส้ม และสีแดง) 5 ถ้วย
3. แป้งมันสำปะหลัง 300 กรัม
4. น้ำเชื่อม ½ ถ้วย
5. น้ำกะทิ 500 กรัม
6. น้ำตาลปี๊บ 350 กรัม
7. เกลือ ¼ ช้อนชา
8. ใบเตย 2 ใบ
9. น้ำเปล่า 1 ขวด
10. น้ำแข็ง 1 ถ้วย
วิธีทำ
1. นำแห้วในน้ำเชื่อมมาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าขนาดเล็ก แล้วนำไปแช่ลงในสีผสมอาหารทั้ง 5 สี เป็นเวลา 20 นาที
2. เทแป้งมันสำปะหลังใส่ลงในชามผสมอาหารเตรียมไว้ จากนั้นสะเด็ดน้ำแห้วให้แห้งสนิท แล้วนำแห้วสีต่างๆ ไปคลุกในแป้งมันสำปะหลัง และร่อนแป้งส่วนเกินที่ไม่ติดชิ้นแห้วออก ทำทีละสีให้ครบทั้งหมด 5 สี
3. เทน้ำเปล่าลงในหม้อ แล้วนำไปตั้งเตา ปรับระดับไฟปานกลาง ต้มน้ำจนเดือดจัด แล้วค่อยๆ เทแห้วคลุกแป้งลงในหม้อ ต้มจนกว่าแป้งเคลือบแห้วจะสุก มีลักษณะใสและลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ ตักเม็ดทับทิมกรอบขึ้นมาน็อกน้ำเย็นทันที และแช่ไว้ในน้ำเย็นซักครู่ จากนั้นสะเด็ดน้ำพักไว้ในชามแยกทั้งหมด 5 สี
4. คลุกเม็ดทับทิมกรอบทุกสีด้วยน้ำเชื่อมเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เม็ดทับทิมกรอบติดกัน แล้ววางพักไว้
5. เริ่มขั้นตอนการทำน้ำกะทิ โดยการนำหม้อตั้งเตา ปรับไฟระดับอ่อน ใส่น้ำกะทิ น้ำตาลปี๊บ เกลือ และใบเตยลงในหม้อตามลำดับ จากนั้นคนให้ทุกอย่างเข้ากัน หรือจนกว่าน้ำตาลปี๊บจะละลาย
6. ตักเม็ดทับทิบกรอบทุกสีใส่ลงในชามเสิร์ฟ
7. ราดด้วยน้ำกะทิในปริมาณตามชอบ เติมน้ำแข็งเพื่อเพิ่มความเย็นสดชื่น จากนั้นพร้อมเสิร์ฟรับประทานได้เลยค่ะ
ผสานสองยุคแห่งความเป็นไทยไว้ในขนมหวานชามเดียวกับเมนู “ทับทิมกรอบสายรุ้ง” รสชาติหวานหอมมันของน้ำกะทิ และน้ำตาลปี๊บ ที่มาพร้อมกับสัมผัสกรุบเคี้ยวเพลินของเม็ดทับทิมกรอบ 5 สีพาสเทลสุดฟรุ้งฟริ้ง เติมความสดชื่นรื่นรมย์ให้กับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองในเดือนสุดท้ายของปีนี้ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียเมนูสุดครีเอทที่แอดมินขอฝากเพื่อนๆ ไว้ในลิสต์นะคะ สัปดาห์หน้าแอดมินจะมีสาระน่ารู้และสูตรอาหารเมนูไหนมาแนะนำเพื่อนๆ กันอีก อย่าลืมรอติดตามชมกันนะคะ สำหรับวันนี้แอดมินขอตัวไปเติมความหวานสุดฟรุ้งฟริ้งกันก่อน สวัสดีค่า...
留言